[วิเคราะห์เพลง] | Chainsaw Man | Aimer - Deep Down



เป็นเพลงที่แปลยากมากจนต้องไปดูอนิเมะให้จบเพื่อทำความเข้าใจ เนื้อเพลงซ่อนรายละเอียดไว้เยอะมากแบบ Deep สมชื่อจริง ๆ กว่าจะแปลจบก็ผ่านการคิดการตีความมาอย่างหนักหน่วง เลยตัดสินใจมาเขียนวิเคราะห์ซะเลยค่ะ ทั้งนี้ นี่เป็นเพียงการตีความจากความเข้าใจของเราเองทั้งสิ้น ถ้าใครมีความคิดเห็นอื่น ๆ มาแชร์กันได้นะคะ และแน่นอนว่าจะมีสปอยล์เนื้อหาใน Chainsaw Man ฉบับอนิเมะด้วย แต่ตัวเราไม่ได้ตามมังงะ ดังนั้นรบกวนไม่สปอยล์เนื้อหาที่นอกเหนือจากอนิเมะนะคะ ในส่วนของการแปล หากมีจุดไหนแปลผิดหรือตีความผิดสามารถคอมเมนต์แลกเปลี่ยนกันได้ค่ะ



คำร้อง:aimerrhythm
ทำนอง:Nagasawa Kazuma
เรียบเรียง:Kenji Tamai, Momota Rui

| อารัมภบทแด่ผู้วางวาย


命の悲鳴 途絶え闇へ
とけたら 言の葉を散らした
深い 深い 微睡(まどろみ)へ 眠れるよう
赤い指でその目を閉じ
เสียงกรีดร้องของชีวิตขาดห้วง
ละลายสู่ความมืดมิด
ถ้อยคำพลันแตกกระจาย
นิ้วมือสีแดงฉานปิดตาคู่นั้น
ให้หลับใหลสู่นิทราที่อยู่ลึก ลึกลงไป

ถอดความหมาย : หลังเสียงกรีดร้องแห่งความทรมานขาดห้วงลงในที่สุด ชีวิตของเธอก็ค่อย ๆ ละลายสู่ความมืดมิด ถ้อยคำที่เคยกรีดร้องพลันแตกกระจายร่วงโรยดับสิ้นไปตามลมหายใจ แต่นิ้วมือสีแดงฉานของฉันปิดตาคู่นั้นของเธอ ขับกล่อมให้เธอหลับใหลสู่ก้นบึ้งแห่งนิทราอยู่ลึก ลึกลงไป
   เปิดเพลงมาท่อนแรกก็พูดถึงความตายกันเลย ภาพแรกที่ลอยเข้ามาในหัวตอนอ่านเนื้อเพลงท่อนนี้จบคือภาพของ มาคิมะ จากคีย์เวิร์ดคำว่า นิ้วมือสีแดง (赤い指) ค่ะ ความน่าสนใจของเนื้อเพลงท่อนนี้อยู่ที่การใช้ภาษาซึ่งแสดงให้เห็นทั้งความทรมานและความนุ่มนวลได้อย่างลงตัว ฝ่ายผู้ตายดิ้นรนอย่างทรมานจวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ส่วนฝ่ายผู้สังหารก็ปลอบประโลมดวงวิญญาณนั้นอย่างนุ่มนวล ผ่านการบรรยายว่า “จะปิดตาให้เธอเคลิ้มหลับสู่นิทราที่อยู่ลึกลงไป” (深い微睡へ眠れるよう) สาเหตุที่ตีความว่าประโยคนี้เป็นบทของผู้สังหารนั้นมาจากคำว่า นิ้วมือสีแดง ที่ชวนให้นึกถึงฉากพิธีกรรมของมาคิมะที่สังหารศัตรูด้วยมือเปล่า เพียงร่ายนิ้วบรรเลงพิธีกรรมอย่างแช่มช้อยไร้เลือดแม้เสี้ยวหยด แต่ก็สังเวยทั้งนักโทษผู้หลับใหลและศัตรูผู้ถูกสังหารให้จมกองเลือดอย่างสยดสยองไปอีกหลายชีวิต หากตีความลึกลงไปอีกก็คิดว่า Aimer อาจจะจงใจใช้คำว่า 散らす (ทำให้กระจัดกระจาย) เพื่อสื่อถึงสภาพการตายของเหล่าศัตรูในฉากนี้ ใครเคยดู EP.9 น่าจะเห็นภาพนะคะ
   สิ่งที่ประทับใจในท่อนนี้คือการใช้ภาษาบรรยายที่สอดคล้องกับคาร์แรคเตอร์ของตัวละครหลักอย่างมาคิมะ ที่แม้ภายนอกจะดูอ่อนหวาน แต่ก็แฝงบรรยากาศเยือกเย็นอำมหิตเอาไว้ อีกทั้งยังสามารถถ่ายทอดกลิ่นอายของมาคิมะออกมาได้ด้วยเพียงไม่กี่ประโยคสั้น ๆ ถือว่า Aimer เลือกเปิดเพลงได้ดีมากเลยค่ะ


| ยืนหยัดในเส้นทางที่ไร้แสงสว่าง


畏れるように 
血に溺れる戒律のように
傷口に降る雨のように 
痛み刻みつけて
彷徨う群れの中で 
行き着く場所に気づけないまま
また一つ欠けた
คล้ายใจกำลังหวาดหวั่น
ดั่งศีลธรรมจมดิ่งในทะเลเลือด
ประหนึ่งสายฝนกระหน่ำลงปากแผล
ฉันตอกสลักความรวดร้าวเอาไว้เช่นนั้น
ขณะเดินเตร่อยู่กลางฝูงที่ไร้จุดหมาย
ยังไม่ทันได้รู้ตัวว่ามีปลายทางให้ก้าวไป
ก็ต้องสูญเสียบางสิ่งไปอีกแล้ว

ถอดความหมาย : ความหวาดหวั่นฉายแววอยู่ลึก ๆ ในใจ รู้สึกผิดบาปเหมือนกำลังทำศีลธรรมแปดเปื้อน แต่ก็เหมือนสายฝนสาดซัดตอกย้ำบาดแผลที่ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เขาเลือกสลักความรู้สึกเหล่านั้นไว้บนหัวใจ ยอมรอนแรมไปกับฝูงสัตว์ที่ไร้จุดหมาย ยังไม่ทันได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองยังมีอนาคตอื่นให้ก้าวเดินไป ก็ต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไปอีกแล้ว
   คิดว่าท่อนนี้กำลังพูดถึง อากิ ผู้ขับเคลื่อนด้วยความแค้นที่เลือกเดินบนเส้นทางอันมืดมน (ในฐานะนักล่าปีศาจ) แม้ลึก ๆ ในใจจะหวาดหวั่นและรู้สึกเหมือนกำลังทำบางสิ่งแปดเปื้อน แต่ก็เลือกสลักความเจ็บปวดที่เคยเผชิญเอาไว้ให้มั่น เพื่อให้สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้โดยไม่ลืมเป้าหมายตัวเอง แต่บนเส้นทางที่เขายอมอุทิศชีวิตเพื่อก้าวไปนั้น แท้จริงแล้วยังมีถนนที่นำไปสู่ปลายทางอื่นที่สดใสรออยู่ แต่เขากลับยอมสูญเสียสิ่งต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ โดยไม่สังเกตเห็นเส้นทางใหม่นั้นเสียที
   แม้ว่าตัวละครหลักในท่อนนี้จะเป็นอากิ แต่สายตาหรือมุมมองของคนที่บรรยายประโยคนี้อาจเป็นฮิเมโนะที่ปรารถนาจากใจจริงให้อากิมีชีวิตอยู่ต่อไป ซึ่งในประโยคสุดท้ายที่ร้องว่า "ต้องสูญเสียบางสิ่งไปอีกแล้ว" (また一つ欠けた) อาจหมายถึงได้ทั้งอวัยวะ อายุขัย หรือคนสำคัญของอากิก็ได้ค่ะ
   ด้านการเขียนเนื้อเพลง จุดที่น่าสนใจคือคำว่า ฝูง ที่ Aimer ใช้บรรยายในประโยคว่า "ขณะเดินเตร่อยู่กลางฝูงที่ไร้จุดหมาย" (彷徨う群れの中で) โดยฝูงในที่นี้ใช้ได้กับทั้งคน สัตว์ และอมนุษย์ (โดยทั่วไปมักใช้กับสัตว์) ซึ่งในเรื่องก็มีทั้งมนุษย์ ปีศาจ และปีศาจครึ่งมนุษย์ จึงเลือกแปลแค่คำว่า ฝูง โดยไม่เจาะจงว่าเป็นฝูงอะไร แต่คิดว่าบริบทนี้น่าจะหมายถึงเหล่าปีศาจและปีศาจครึ่งมนุษย์ที่โดยธรรมชาติแล้วไม่ได้มีเป้าหมายอะไร (หรือไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมาย) ซึ่งเป็นประชากรหลักในเส้นทางที่อากิต้องก้าวเดิน ดังนั้น ประโยคที่ร้องว่า "ดั่งศีลธรรมจมดิ่งในทะเลเลือด" (血に溺れる戒律のように) ก็อาจหมายถึงการต้องพยุงตัวเองไม่ให้สูญเสียตัวตนหรือกลืนไปกับฝูงปีศาจจนสูญเสียความเป็นคนด้วยก็เป็นได้ค่ะ

| ผู้อยู่ส่วนลึกในหัวใจ


わからない 解りたい 
拾うことなくまた捨てゆく涙
届かない 聞こえない
縋り付く声呼び覚ます戯れ言
失くした物を忘れた
隙間に棲みついている影
いつからそこに居て 笑ってた
I feel you deep deep deep deep down
ฉันไม่เข้าใจ ฉันอยากเข้าใจ
ปาดน้ำตาทิ้งไปอีกครั้งโดยไม่คิดเก็บมันขึ้นมา
ส่งไปไม่ถึง ไม่ได้ยินเสียงใด
คำหยอกล้อคอยเพรียกให้นึกถึงเสียงที่หวนหา
เมื่อลืมสิ่งที่ได้สูญเสียไปแล้ว
ก็ปรากฏเงาหนึ่งยืนนิ่งในช่องว่างที่หายไปนั้น
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอมายืนส่งยิ้มอยู่ตรงนี้
ฉันสัมผัสได้ถึงเธอจากส่วนลึกในส่วนลึกของหัวใจ

ถอดความหมาย : แม้ตอนนี้จะยังไม่เข้าใจ แต่ก็เลือกวางอดีตไว้แล้วก้าวไปข้างหน้าจนกว่าจะพบคำตอบ เสียงของเราในตอนนี้ไม่อาจส่งถึงกันและกันอีกต่อไป แต่ฉันยังคิดถึงเสียงหยอกล้อของเธออยู่เสมอ กระทั่งกาลเวลาผันผ่าน ตัวตนของเธอเริ่มเจือจางทิ้งไว้เพียงรูโหว่เปล่าดายบนหัวใจ จนถึงวันหนึ่งก็ปรากฏเงาอื่นเข้ามาทดแทนช่องว่างความทรงจำที่ขาดหายไปนั้น แต่เมื่อดูให้ดีแล้วก็พบว่ามันไม่ใช่สิ่งอื่นใด หากเป็นตัวตนที่คุ้นเคย เป็นกลิ่นอายของเธอคนนี้เองที่หลับใหลอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ คอยอยู่ข้างกายไม่เคยห่างไปไหนแม้แต่วินาทีเดียว
   คิดว่าท่อนนี้กำลังพูดถึงความรู้สึกของเด็นจิใน Ep.1 ที่ถูกหักหลังแถมยังต้องสูญเสียคนสำคัญคนสุดท้ายในชีวิตอย่างโปจิตะไปอีก แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ แต่เด็นจิก็ผงาดขึ้นสู้กับชีวิตต่อไป นอกจากนี้ยังพูดถึงความสัมพันธ์ของเด็นจิกับโปจิตะด้วย จากประโยคที่บอกว่า "คำหยอกล้อคอยเพรียกให้นึกถึงเสียงที่หวนหา" (縋り付く声呼び覚ます戯れ言) ซึ่งคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น 縋り付く (เกาะ ซบ) หรือ 戯れ言 (คำหยอกล้อ) สองคำนี้ล้วนให้ความรู้สึกว่าเป็นที่พักพิง เป็นที่พึ่งทางใจ เลยคิดว่าอาจหมายถึงเด็นจิกับโปจิตะที่มีกันอยู่แค่สองคน พอโปจิตะจากไป ก็นึกถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน คิดถึงเสียงร้องของโปจิตะ เสียงที่เป็นเซฟโซนหนึ่งเดียวของเด็นจิ
   อีกท่อนที่ทำให้คิดว่าหมายถึงโปจิตะกับเด็นจิคือประโยคที่ว่า "เมื่อลืมสิ่งที่ได้สูญเสียไปแล้ว ก็ปรากฏเงาหนึ่งยืนนิ่งในช่องว่างที่หายไปนั้น" (失くした物を忘れた 隙間に棲みついている影) คิดว่าคำว่า ช่องว่าง (隙間) อาจสื่อถึงหัวใจของเด็นจิที่หายไปแล้วก็ได้ หรือก็คือ เป็นประโยคที่พูดถึงหัวใจของโปจิตะที่มอบให้เด็นจิเพื่อให้เด็นจิมีชีวิตอยู่ต่อไป แม้ข้างกายตอนนี้จะไม่มีโปจิตะอยู่แล้ว แต่ในความอ้างว้างตรงนั้น ก็ยังมีตัวตนของโปจิตะสถิตอยู่ในหัวใจของเด็นจิตลอดเวลาไม่เคยห่างไปไหน

| เนื้อแท้ที่อยู่ถัดไปเพียงหนึ่งม่านฝน


刹那の氷雨(ひさめ) 打たれ目醒め
ざわめく 告毎(つげごと)を散らした
淡い 淡い 幻を 振り切れば
偽りが輪郭を浮かべ
ห่าฝนเยือกเย็นสาดประดังให้ตื่นจากนิทรา
ซัดสาดถ้อยคำที่แผดเสียงร้องให้แตกกระจาย
หากปัดเป่าภาพลวงตาอันเลือนรางออกไป
ภาพมายาจะเผยเนื้อแท้ของมันออกมา

ถอดความหมาย : ถูกสายฝนเยือกเย็นซัดสาดให้ลืมตาตื่นขึ้น มันสาดประดังจนเสียงแผดร้องแตกกระจายไม่เป็นคำ หากเพียงปัดเป่าภาพมายาเบื้องหน้าออกไป สิ่งโป้ปดทั้งหลายก็จะเผยเนื้อแท้ของมันออกมา
   คิดว่าท่อนนี้พูดถึงการพบกันครั้งแรกของเด็นจิกับมาคิมะ หลังจากเด็นจิเพิ่งผ่านพ้นสมรภูมิชีวิตมาอย่างหนักหน่วง มาคิมะก็ปรากฏตัวขึ้นราวกับฝนเย็น ๆ ที่เรียกสติของเด็นจิให้กลับคืนมาและโอบกอดเพื่อชำระล้างให้เด็นจิกลับสู่ร่างเดิม ทั้งยังมอบข้อเสนออันหอมหวานอย่างที่เด็นจิไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีวันได้รับ ทว่าสายฝนนั้นหาได้มาเพื่อชำระล้าง หากเป็นสายฝนเย็นยะเยือกที่แฝงเจตนาอื่นไว้ จากที่มาคิมะยื่นข้อเสนออย่างตรงไปตรงมาว่า "จะมาเป็นสุนัขของเธอหรือจะให้ฆ่าทิ้ง" แม้แต่เด็นจิเองยังเคยนึกเสียดายที่หลงคิดไปว่าเธอเป็นผู้หญิงอ่อนโยน แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่ามาคิมะจะแสดงมุมที่น่ากลัวหรือเย็นชายังไง พอถูกปฏิบัติอย่างอ่อนโยนเข้าหน่อย เด็นจิก็ทิ้งความคิดนั้นไปอย่างง่ายดาย
   หากตีความเนื้อเพลงท่อนนี้แล้ว คิดว่า 'ฝน' กับ 'ภาพมายา' ในที่นี้หมายถึง มาคิมะ แต่จะเป็นฝนอันอ่อนโยนที่ช่วยชำระล้างความทุกข์ให้สิ้นไป หรือจะเป็นฝนอันเย็นเยือกที่แฝงประสงค์ร้ายเอาไว้ ก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง สำหรับเด็นจิแล้ว เขาเลือกที่จะมองว่าเป็นสายฝนฉ่ำเย็นที่ช่วยปลอบประโลมเขามากกว่า ซึ่งตัวมาคิมะเองก็ไม่ได้ปิดบังหรือแสร้งว่าเป็นคนจิตใจดีร้อยเปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ต้น (คงไม่มีคนดี ๆ ที่ไหนเอามนุษย์มาเลี้ยงเป็นสุนัข) แต่เด็นจิกลับเลือกที่จะมองข้ามมันไปดื้อ ๆ อย่างที่เนื้อเพลงว่าไว้ว่าหากเพียงปัดเป่าภาพลวงตาที่สุดแสนจะเลือนราง (淡い 淡い 幻) ออกไป ก็จะเห็นธาตุแท้ได้ง่าย ๆ แต่เด็นจิก็เลือกจะยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของความคิด ซึ่งส่วนตัวคิดว่าที่เป็นแบบนี้อาจไม่ใช่ความไร้เดียงสา แต่เป็นความ 'อยากจะเชื่อ' ว่ายังมีใครสักคนบนโลกที่หวังดีกับเราอยู่มากกว่าค่ะ

| ความหวังบนโลกที่สิ้นหวัง


平伏すように 
胸に穿つ楔のように
息を止め抗うほどに 
記憶を引き裂いて
擦り切れる希望を褪せた世界に焼き付けたまま
ただ繋ぎ止めた
คล้ายน้อมตัวศิโรราบ
ราวถูกลิ่มตอกลงกลางอก
ยิ่งพยายามหายใจเท่าไหร่
ความทรงจำก็ยิ่งถูกฉีกกระชาก
ทำได้เพียงตรึงความหวังแหว่งวิ่นลงบนโลกอันหม่นจาง
ผูกรั้งไม่ให้มันหายไปไหน

ถอดความหมาย : เจ็บปวดเหมือนถูกลิ่มตอกลงกลางอก ทรมานจนต้องงุ้มตัวลงราวกำลังก้มกราบ ยิ่งหายใจต่อไปก็ยิ่งได้พบกับความเป็นจริงของชีวิต จนรู้สึกราวกับว่าความทรงจำดี ๆ ที่เคยมีถูกฉีกกระชากเป็นชิ้น ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกัดฟันหายใจต่อไปอย่างไม่ละทิ้งความหวัง แม้ความหวังนั้นจะสะบักสะบอมเหมือนผ้าที่ขาดวิ่นก็ตาม ถึงอย่างนั้นก็จะยังประทับมันให้ฝังแน่นเป็นรอยไหม้บนโลกอึมครึมใบนี้ ประหนึ่งจะผูกรั้งให้ความหวังอันริบหรี่ยังคงดำรงอยู่ต่อไป
   คิดว่าเป็นท่อนที่พูดถึงการดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปค่ะ แม้ว่าชีวิตจะต้องเผชิญแต่ความทุกข์และการสูญเสียจนรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่นั้นทรมานกว่าความตาย แต่ก็ยังยืนหยัดฝืนหายใจต่อไป เผชิญหน้ากับความทุกข์และความเจ็บปวดทั้งในความทรงจำและวันพรุ่งนี้ โดยมีความหวังริบหรี่ที่ส่องแสงรำไรอยู่ไกล ๆ เป็นคบไฟนำทาง ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทำได้มีแค่การ 'มีความหวังเข้าไว้' เท่านั้น
   ด้านการเขียนเนื้อเพลง จุดที่น่าสนใจคือคำว่า "ความหวังแหว่งวิ่น" (擦り切れる希望) Aimer ใช้คำกริยา ขาดวิ่น กับคำนามที่เป็นความหวัง แสดงให้เห็นภาพความหวังที่ถูกบั่นทอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนผ้าที่ถูกทึ้งจนขาดวิ่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมละทิ้งความหวัง ยังคงหอบความหวังแหว่งวิ่นนี้ไปอย่างไม่ย่อท้อ เป็นอีกคำที่แสดงถึงการดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางโลกอันโหดร้ายได้ดีมากค่ะ

| ตกอยู่ในวังวนที่เรียกว่าชีวิต


離れない 離したい
癒えることなく 纏わりつく兆し
戻れない 響かない
すり抜けた声 かき鳴らした鼓動
願った物を手にした
甘美と喪失に飲まれ
どれほど長い時を 辿ってた
I call you deep deep deep deep down
ไม่อาจแยกจาก อยากจะหลุดพ้น
แต่ลางสังหรณ์ตามติดเป็นเงาไม่มีวันทุเลาหาย
กลับไปไม่ได้ ส่งไปไม่ถึง
เมื่อเสียงนี้ลอดผ่านไป จังหวะหัวใจก็บรรเลงขึ้นมา
เมื่อได้ครอบครองสิ่งที่ปรารถนา
ก็ถูกความหอมหวานและความสูญเสียกลืนกิน
ไม่รู้เลยว่าคลำหาทางออกมาเนิ่นนานแค่ไหนแล้ว
ฉันเพรียกหาเธอจากส่วนลึกในส่วนลึกของหัวใจ

ถอดความหมาย : อยากหลุดพ้นไปจากตรงนี้แต่ก็ไม่สามารถเป็นอิสระได้ ต่อให้ละทิ้งทุกอย่างแล้วหนีออกมาก็ไม่อาจหลุดพ้นเงื้อมมือแห่งโชคชะตาได้อยู่ดี ทุกอย่างไม่อาจย้อนกลับไป เสียงของเราส่งไปไม่ถึงกันอีกต่อไปแล้ว ทันทีที่เสียงฉันทะลุผ่านตัวเธอไป เสียงหัวใจของเธอก็กลับมาเต้นอีกครั้ง ทุกคราวที่สมปรารถนา คนเราย่อมตกอยู่ในวังวนแห่งความหอมหวานและความสูญเสีย รู้ตัวอีกทีก็ไม่รู้ว่าเดินคลำหาทางออกมาเนิ่นนานแค่ไหนแล้ว ทำได้เพียงเพรียกหาเธอจากส่วนลึกในส่วนลึกของหัวใจ
   คิดว่าท่อนนี้พูดถึงตัวละครที่มีชะตากรรมประหนึ่งบ่วงคล้องคอ ไม่ว่าจะเป็นอากิที่ต้องสูญเสียครอบครัวจนตกอยู่ใต้ความแค้น สละสิ่งสำคัญมามากมายจนถอยหลังกลับไม่ได้ หรือเด็นจิที่ต้องกลายมาเป็นมนุษย์ปีศาจ ไม่อยู่อย่างสุนัขในกรงก็ต้องตาย ซึ่งตัวละครเหล่านี้ล้วนถูกโลกอันโหดร้ายบีบให้ต้องมาอยู่ในเส้นทางหนึ่งที่ไม่อาจหลุดพ้นออกไปโดยง่าย และเนื้อเพลงยังสื่อถึงการดิ้นรนเอาชีวิตรอดในโลกอันโหดร้าย ในท่อนที่ว่า "ลางสังหรณ์ตามติดเป็นเงาไม่มีวันทุเลาหาย" (癒えることなく 纏わりつく兆し) เข้าใจว่าประโยคนี้หมายถึงลางสังหรณ์ที่ลั่นระฆังเตือนภัยบอกลางร้ายตลอดเวลา ไม่มีช่วงให้หยุดพักหายใจ คำว่า 癒える (แปลตรง : หายป่วย ; ในที่นี้เลือกแปลว่า "ทุเลา") นั้นสามารถใช้ได้กับทั้งโรคภัย บาดแผล หรือความเจ็บปวดทางจิตใจ จึงตีความว่าน่าจะหมายถึง ชีวิตที่ต้องหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ไม่มีช่วงเวลาให้สามารถหลับสนิทหรือพักผ่อนรักษาบาดแผลเยียวยาหัวใจได้เลย ต่อให้อยากจะหลุดพ้นไปจากชะตากรรมเหล่านี้ก็ไม่สามารถไปได้ ถือเป็นอีกท่อนที่แสดงให้เห็นความทุกข์ของชีวิตได้อย่างชัดเจน


   และเมื่อพูดถึง Deep Down เพลงปิดใน Ep.9 ไม่มีทางที่ Aimer จะลืมกล่าวถึงตัวละครสำคัญใน Ep. อย่าง ฮิเมโนะ คิดว่าบรรทัดที่ 3-4 "กลับไปไม่ได้ ส่งไปไม่ถึง เมื่อเสียงนี้ลอดผ่านไป จังหวะหัวใจก็บรรเลงขึ้นมา" (戻れない 響かない すり抜けた声 かき鳴らした鼓動) นั้นพูดถึงฉากสุดท้ายของฮิเมโนะที่ยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเหลืออากิ ซึ่งคำว่า すり抜ける (ทะลุผ่าน) ก็อาจเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงปีศาจผีของฮิเมโนะได้ด้วยเช่นกันค่ะ

เมื่อได้ครอบครองสิ่งที่ปรารถนา
ก็ถูกความหอมหวานและความสูญเสียกลืนกิน
ไม่รู้เลยว่าคลำหาทางออกมาเนิ่นนานแค่ไหนแล้ว
ฉันเพรียกหาเธอจากส่วนลึกในส่วนลึกของหัวใจ

   คิดว่าท่อนนี้สื่อถึงความโลภ ความปรารถนา และความรัก อันเป็นเหตุแห่งทุกข์และเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ ทุกคราวที่สมปรารถนา คนเราย่อมตกอยู่ใต้ความสุขสมอันหอมหวาน แล้วก็จะดิ้นรนไขว่คว้าแม้กระทั่งยอมแลกสิ่งสำคัญเพียงเพื่อให้ได้ลิ้มรสหวานนั้นอีกครั้งจนต้องตกอยู่ในวงจรแห่งความสูญเสียอยู่ร่ำไป รู้ตัวอีกทีก็ไม่รู้ว่าเดินคลำหาทางออกมานานแค่ไหนแล้ว ทำได้เพียงแค่เพรียกหาเธอผู้เป็นที่รักและต้นเหตุของความปรารถนานั้นอยู่ในความมืดมิด (สาเหตุที่ใช้คำว่า จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ เพราะรู้สึกว่าต่อให้มันจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนเราหลงทางหรือกระทั่งจมดิ่งลงไปได้ถึงก้นบึ้ง แต่ในทางกลับกันก็สามารถทำให้คนเรากล้าหาญถึงขั้นยอมเสียสละได้มากมายเหมือนกันค่ะ)
   และเพลงก็ปิดท้ายด้วยการพูดถึงคนที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์เพื่อของบางสิ่งหรือใครสักคน ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์ผู้ตกอยู่ใต้ความรัก โลภ โกรธ หลง หรือจะตีความอีกอย่างว่า มี เธอ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางมรสุมชีวิตที่ฟันฝ่า (แม้เธอจะไม่อยู่ตรงนี้แล้ว) ก็ได้ค่ะ เหมือนกับที่เด็นจิยังนึกถึงโปจิตะ เหมือนกับที่อากิยังนึกถึงฮิเมโนะอยู่นั่นเอง

| บทสรุป

   สำหรับภาพรวมเพลง คิดว่าเป็นเพลงที่พูดถึง ความทุกข์ของชีวิต ที่ต้องเกิดมาบนโลกอันโหดร้าย ดิ้นรนมีชีวิตอยู่ให้ได้ในแต่ละวันอย่างทุกข์ทรมาน เพียงเพื่อสุดท้ายแล้วคนเราก็จะตายจากไป ซึ่งในเนื้อเพลงไม่ได้พูดถึงแค่ความทุกข์ของการมีชีวิตอยู่เท่านั้น หากยังพูดถึงความแข็งแกร่งของมนุษย์ที่ระหว่างทางต้องเผชิญอุปสรรคหรือการหลอกลวงต่าง ๆ แต่ยังสามารถประคับประครองความหวัง ลมหายใจ และสติไม่ให้สูญเสียความเป็นตัวเองเพื่อก้าวเดินต่อไปแม้จะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม ถือว่าเป็นเพลงที่ Aimer ถ่ายทอดคำว่า ชีวิต ออกมาได้ดีมากค่ะ ถ้าถามว่าเพลงนี้เป็นเพลงแบบไหนกันแน่ Aimer เองก็เคยกล่าวไว้ใน [แปลสัมภาษณ์] Hidden Story ในมินิอัลบั้ม『Deep down』ของ Aimer ว่า

   "ฉันยังไม่เคยเขียนถึงตัวละครหลักในลักษณะที่ต้องเผชิญสถานการณ์น่าพรั่นพรึงระคนศักดิ์สิทธิ์หรือต้องวายวางจากไปแบบนี้มาก่อน ดังนั้น บทเพลงนี้จึงอยู่เคียงข้างพวกเขาเหล่านั้น จะเรียกอีกอย่างว่าเป็นบทเพลงส่งวิญญาณก็ได้ค่ะ" 

   สุดท้ายนี้ Deep Down เป็นเพลงที่พูดถึงตัวละครหลายตัว ไม่ได้เจาะจงตัวละครใดตัวละครหนึ่งไว้ชัดเจน แต่ก็ซ่อนสัญลักษณ์หลายอย่างเอาไว้ในเนื้อเพลงให้ค้นหา ซึ่งหลายท่อนก็ชวนให้นึกถึงตัวละครหลายตัวที่มีชะตากรรมเดียวกัน หรือบางท่อนจะมองจากสายตาของตัวละคร A หรือตัวละคร B ก็ได้ หรือแม้แต่ในมุมมองของตัวผู้ฟังเองก็ตาม ซึ่ง Aimer เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "อยากให้เป็นเพลงที่เขียนถึงความรู้สึกที่สามารถมีร่วมกันได้ไม่ว่าจะอยู่ในจุดยืนของใครก็ตาม"  (Aimerが描く「深い闇の底の底の底」 アニメ『チェンソーマン』のED曲の制作秘話を語る) โดยเทคนิคการเขียนเนื้อเพลงที่อ่านแล้วสามารถมองได้จากสายตาของหลายตัวละครนี้ Aimer ก็เคยใช้กับเพลงต่าง ๆ มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Black Bird หรือ Zankyou Sanka ซึ่งถือเป็นจุดหนึ่งที่ชอบในการเขียนเนื้อเพลงของ Aimer มาก ๆ ค่ะ


อ่านเฉพาะเนื้อเพลง
#116 [แปลเพลง] | Chainsaw Man | Aimer - Deep Down

Posted on
Minimore : 19/06/2023
Blogger : 19/11/2023

0 Comments